Page 10 - FoSa62
P. 10
ต่อผู้บริโภค เผยแพร่เป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Books) เว็บไซด์ส านักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
2. โครงการประเมินความเสี่ยงของการได้รับสัมผัสกรดเบนโซอิก กรดซอร์บิก สีผสมอาหาร ไนเตรต
ไนไตรต์ Staphylococcus aureus และ Salmonella spp. ในผลิตภัณฑ์เนื อสัตว์แปรรูปของประชากรไทย
(ต่อเนื่อง) โครงการต่อเนื่อง 2 ปี โดยในปี 2561 ส ารวจปริมาณการใช้วัตถุเจือปนอาหารและเชื้อจุลินทรีย์
ปนเปื้อน และในปี 2562 น าข้อมูลที่ได้มาประเมินการได้รับสัมผัสทั้งด้านการใช้วัตถุกันเสียและเชื้อจุลินทรีย์
ปนเปื้อน ผลการด าเนินงาน การประเมินการได้รับสัมผัสวัตถุเจือปนอาหารชนิดกรดเบนโซอิก กรดซอร์บิก ไนเตรต
ไนไตรต์ และสีผสมอาหารชนิดซันเซ็ต เย็ลโล่ว์ เอ็ฟ ซี เอ็ฟ ปองโซ 4 อาร์ เอโซรูบีน และตาร์ตราซีน จากการ
บริโภคไส้กรอกหมู ไส้กรอกอีสาน แหนม แฮม กุนเชียง และหม่ า ของประชากรไทยในกลุ่มอายุต่างๆ ที่ได้รับสัมผัส
ค่ากลางและการได้รับสัมผัสสูงที่ระดับ 97.5 เปอร์เซ็นไทล์ พบว่าประชากรกลุ่มอายุ 3-5.9 ปี จะมีความเสี่ยง
ต่อการได้รับสารเคมีทั้ง 8 ชนิด รองลงมาคือ ประชากรช่วงอายุ 6-12.9 ปี และโอกาสความเสี่ยงจะลดลงเมื่อช่วง
อายุของประชากรเพิ่มขึ้น ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากเมื่อประชากรมีอายุมากขึ้น สามารถเลือกรับประทานอาหารที่มี
ความหลากหลายมากขึ้น มีความเข้าใจในเรื่องของโภชนาการและสุขภาพมากขึ้น จึงเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์
เนื้อสัตว์แปรรูปลดลง ส าหรับการประเมินความเสี่ยงของเชื้อ Staphylococcus aureus และ Salmonella spp.
พบว่าในไส้กรอกอีสาน แหนม และหม่ า มีความรุนแรงอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนไส้กรอกหมู แฮม และกุนเชียง
มีความรุนแรงอยู่ในระดับต่ า ในการศึกษาครั้งนี้ถึงแม้ว่าระดับความรุนแรงของความเสี่ยงจะอยู่ในระดับปานกลาง
และต่ า ก็ไม่ได้หมายความว่าอาหารปลอดภัย เชื้อ Staphylococcus aureus ปนเปื้อนในระหว่างขั้นตอน
การผลิตอาหาร และเชื้อมีปริมาณมากจนสามารถสร้างสารพิษได้ เมื่อผ่านกระบวนการผลิตปริมาณเชื้อจะลดลง
จนมีปริมาณน้อยและอาจตรวจไม่พบ แต่สารพิษในอาหารไม่ถูกท าลายก็สามารถก่อให้เกิดโรคได้ ความรุนแรง
ของโรคอาหารเป็นพิษขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ชนิดและปริมาณของเชื้อ คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ า เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก
หรือผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องความรุนแรงของอาการจะมากกว่าคนปกติ นอกจากนี้พฤติกรรมการบริโภค
ของอาหารประเภทนี้ของผู้บริโภคก็เป็นปัจจัยเสริม ในการเกิดการเจ็บป่วยจากอาหารได้มากขึ้น
3. โครงการส ารวจยาต้านจุลชีพตกค้างในน านมพาสเจอร์ไรส์ของประเทศไทย เพื่อให้ทราบสถานการณ์
เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลในเรื่องดังกล่าวเพียงพอ ผลการด าเนินงาน พบว่านมพาสเจอร์ไรส์รสจืดจ าแนก
การเก็บตัวอย่างตามลักษณะการจัดจ าหน่าย แบ่งเป็น 1. นมโรงเรียนจากผู้ประกอบการ 70 บริษัท 2. นมที่มียี่ห้อ
ที่วางขายทั่วไปในท้องตลาด 3. นมยี่ห้อของท้องถิ่น (local brand) และ 4. นม organic รวมทั้งหมดจ านวน
108 ตัวอย่าง ตรวจวิเคราะห์ยาต้านจุลชีพ 6 กลุ่ม 46 ชนิด พบว่านมสดพาสเจอร์ไรส์ทั้ง 108 ตัวอย่าง ตรวจไม่พบ
การตกค้างยาต้านจุลชีพทุกตัวอย่าง ดังนั้นการบริโภคนมสดพาสเจอร์ไรส์ของประเทศไทย มีความปลอดภัย
จากยาต้านจุลชีพ
4. โครงการส ารวจเชื อดื อยาต้านจุลชีพในเนื อสัตว์ของประเทศไทย ปีงบประมาณ 2562 เพื่อทราบ
สถานการณ์การดื้อยาของเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในเนื้อสัตว์ของประเทศไทย น าไปสู่ระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือน
เชื้อดื้อยาของประเทศแบบบูรณาการ ตามแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย ระหว่างปี
พ.ศ. 2560-2564 ผลการด าเนินงาน การส ารวจเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในเนื้อสัตว์ 3 ชนิด ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อวัว และ
เนื้อไก่ สามารถแยกเชื้อแบคทีเรียที่สนใจได้ทั้ง 6 ชนิด ได้แก่ E. coli, E. faecalis, E. faecium, S. aureus,
Salmonella spp. และ Campylobacter spp. พบว่าเนื้อสัตว์ที่พบการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียมากที่สุด ได้แก่
เนื้อไก่ร้อยละ 91.2 รองลงมาคือ เนื้อวัวร้อยละ 81.5 และเนื้อหมูร้อยละ 77.0 นอกจากนั้น แหล่งจ าหน่ายที่พบ
การปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียมากที่สุด ได้แก่ ตลาดค้าส่งหรือตลาดสด ร้อยละ 98.5 รองลงมาคือ ห้างค้าปลีกส่ง
8 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข